วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ต่อไปนี้จะไม่มี vaio อีกต่อไปแล้ว

ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวสับขาหลอกมาทีหนึ่งแล้วกับการที่ มีข่าวว่า Lenovo สนใจที่จะซื้อกิจการคอมพิวเตอร์พีซี Vaio ของทาง Sony แต่จนแล้วจนรอด Sony ก็มีการขายกิจการคอมพิวเตอร์พีซี Vaio ออกไปจริงๆ โดยทาง Sony ได้มีการประกาศออกมาเองเลยว่า ได้ทำขายกิจการคอมพิวเตอร์พีซี Vaio ให้กับทาง Japan Industrial Partners Inc. (JIP) ภายในเดือนมีนาคม 2014 ที่จะถึงนี้




โดยภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2013 นี้ Sony เองจะหยุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มกิจการคอมพิวเตอร์พีซี Vaio ทั้งหมด ซึ่งจะมีพนักงานเพียง 250 ถึง 300 คนเท่านั้นที่ถูกจ้างโดยบริษัท JIP ส่วนพนักงานที่เหลือจะได้รับเงินชดเชยไปแทน รวมไปถึงจะมีการปรับโครงสร้างพนักงาน โดนการเชิญออกเป็นจำนวนทั้งหมด 5,000 คนทั่วโลก (ในญี่ปุ่น 1,500 คน) โดยมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นอกเหนือจากนี้ในส่วนของกิจการอื่นๆ ของ Sony อย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่เป็นแบรนด์ Xperia ก็จะถูกมุ่งเน้นให้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงกิจการเครื่องเกมคอนโซลอย่าง PlayStation ด้วย เพราะด้วยความที่มีแนวโน้นในการสร้างกำไรที่มากกว่า

อย่างไรก็ตามการที่ Sony เลือกที่จะขายแบรนด์ Vaio ออกไปจากตัวเองนั้น คาดว่าเป็นเพราะช่วงหลังๆ ที่ตลาดคอมพิวเตอร์โลกซบเซาลง ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบโดยตรงกับทาง Vaio ที่เป็นแบรนด์คอมพิวเตอร์ระดับสูงที่มีราคาแพงกว่าคู่แข่ง ทำให้ยอดขายไม่เป็นอย่างที่ควร อีกทั้งกำไรส่วนแบ่งต่างๆ ก็ลดน้อยถอยลงไปด้วย

ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ต่อไปนี้จะไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จาก Sony Vaio แล้ว เรียกได้ว่าปิดตำนานหนึ่งในยักษ์ใหญ่กันเลยทีเดียว ส่วนบริษัท JIP จะดำเนินกิจการคอมพิวเตอร์พีซี Vaio ไปได้ขนาดไหน ในส่วนนี้ก็ยังไม่มีความแน่ชัด แต่ที่แน่ๆ ก็คือ คงเลือกขายในบางประเทศเท่านั้น โดยอย่างประเทศไทย ในอนาคตเราอาจจะหาซื้อคอมพิวเตอร์ Vaio ไม่ได้เลยก็เป็นไปได้

เอาเป็นว่าสำหรับคนที่ใช้ Sony Vaio อยู่แล้ว ทางบริษัทในไทยจะมีนโยบายอย่างไรคงต้องติดตามกันดูอีกที แต่เชื่อได้ว่าทาง Sony Thai น่าจะจัดการปัญหานี้ได้เป็นอย่างดีครับ


ในที่สุด Sony ก็ขายกิจการคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค Vaio จริงๆแล้วตามความเห็นผมว่า มันน่าจะเจ๊งมานานแล้ว ขายก็แพง แถมวัสดุก็ไม่ได้ดีกว่ายี่ห้ออื่น เสปกก็กั๊ก การใช้ Vaio ไม่ได้ทำให้ดู Premium เหมือนอย่างที่ Sony โฆษณาไว้เลย

น่าคิดนะครับ ต่อไปนี้ใครจะซี้อ sony vaio คงต้องคิดกันให้หนักๆ แล้วล่ะครับผม

แต่เว็บหลักๆ ที่มีไว้ support มันก็ยังอยู่นะ http://www.sony.co.th/

ที่มา http://pantip.com/topic/31621205

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วิธียืดอายุแบตฯ โน๊ตบุ๊ค 6 ประการ

1.แบตเตอรี่ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นของโน๊ตบุ๊ค มือถือ ถ่านชาร์ต หรืออะไรก็แล้วแต่มันมีวันผลิต และจะเสื่อมลง
เรื่อยๆ เมื่อมีอายุนับจากวันผลิต ถึงแม้จะไม่ได้ใช้เลยก็ตาม ดังนั้น การเลือกซื้อของประเภทแบตเตอรี่ต้องดู
วันผลิตด้วยครับ  เพราะพ่อค้าบางท่านเอาของเก่ามาขาย ถึงแม้จะแกะกล่องมาใหม่ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะ
"ใหม่" นะครับ พอใช้ไปสักพักก็จะเสื่อมเร็วมาก ก็ระมัดระวังกันด้วยครับ



2.แบตเตอรี่ โน๊ตบุ๊ค มีการจำกัดรอบของการชาร์ตครับ เช่น ถ้าเราชาร์ตเต็ม 100% แล้วใช้จนหมด(0%) ก็จะ
ถือว่า 1 รอบของการชาร์ต ซึ่งแบตเตอรี่ โน๊ตบุ๊ค มีการจำกัดเอาไว้ในจำนวนที่ผมไม่ทราบแน่ชัด แต่จาก
ประสบการณ์ อยู่ประมาณ 200 - 400 ครั้ง (ไม่ชัวร์) ดังนั้น วิธีการของผมก็คือ อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊ค
ของท่าน ต่ำกว่า 50% จะดีที่สุด พอใกล้ๆ 50% ก็ให้ชาร์ตแบตทันทีครับ



3.แบตเตอรี่ โน๊ตบุ๊ค เสื่อมเพราะความร้อนครับ จะเห็นได้ว่าจะมีการขาย Cooler ที่ติดไว้ใต้ฐานของโน๊ตบุ๊ค
เพื่อทำหน้าที่ระบายอากาศร้อนออกจากตัวเครื่อง โดยโน๊ตบุ๊ครุ่นเก่าๆจะมีระบบระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่าไหร่
ซึ่งจำเป็นต้องใช้มาก เพราะนอกจากความร้อนจะทำให้เครื่องทำงานได้แย่แล้ว ก็ทำให้แบตเตอรี่ ได้รับความ
ร้อนไปด้วย ทำให้แบตเสื่อมได้เร็ว  แต่ในปัจจุบันทางผู้ผลิตได้รับรู้ในจุดนี้แล้วครับ จึงพยายามออกแบบให้มี
การนำพื้นที่ ที่ร้อนอยู่ห่างจากแบตเตอรี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็จะสามารถแก้ไขจุดนี้ได้



4.การเสียบที่ชาร์ต โน๊ตบุ๊คทิ้งไว้ ทำให้แบตเสื่อมได้ ? จริงๆแล้วจากประสบการณ์ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเป็นเช่น
นั้น แต่เป็นผลทางอ้อมมากกว่าครับ คือ การเสียบที่ชาร์ตโน๊ตบุ๊คทิ้งไว้ ทำให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนขึ้นได
และความร้อนก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ไวขึ้นครับ



5."กลัวแบตเตอรี่ โน๊ตบุ๊ค เสื่อม ก็เลยเอาออกซะเลย" หลายๆคนเป็นแบบนี้จริงๆครับ คือ กลัวว่ามันจะเสื่อม
เวลาใช้ทำงานในที่ที่มีปลั๊กเสียบไฟฟ้าได้ ก็จะเอาแบตเตอรี่ออก แล้วเสียบเฉพาะสายชาร์ตเท่านั้น ซึ่งก็ทำ
งานได้เหมือนกัน (อย่าให้ใครไปเดินเตะปลั๊กจนหลุดละ) แต่ผมจะบอกเลยว่า... แบบนี้แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คของ
ท่านจะเสื่อมไวมากๆเลยครับ(กรณีที่ทำเป็นนิสัย) เพราะแบตเตอรี่ประเภทนี้จะต้องถูกกระตุ้นไฟบ้าง และเป็น
ประจำจะดีครับ แต่ถ้าไม่ถูกกระตุ้นเอาซะเลย หรือนานๆชาร์ตที คุณจะได้มีโน๊ตบุ๊คแบบไม่มีแบตใช้งานแบบ
นี้ตลอดไปแน่นอน(เพราะแบตจะเสื่อมและใช้งานไม่ได้เลย)



6.ปัจจัยอื่นๆที่จะทำให้แบตเตอรี่ โน๊ตบุ๊ค เสื่อมได้ไวกว่าปกติ ได้แก่ การบำรุงรักษาโน๊ตบุ๊คของคุณเอง เช่น
การป้องกันการตกกระแทก แรงๆ หรือเบาๆก็ตามการเก็บรักษาในที่ชื้นๆที่มีฝุ่นเยอะๆ ลักษณะการใช้งาน เช่น
ใช้งานทีละนานๆ ข้ามวันข้ามคืน ตัวโน๊คบุ๊คดีไซค์ มีระบบระบายความร้อนที่ไม่ดีพอ การจัดวางตำแหน่ง
แบตเตอรี่ ทำให้แบตร้อนไว  ซึ่งจากที่กล่าวมาแล้ว มีทั้งที่เราสามารถแก้ไขได้ และแก้ไขไม่ได้ รวมอยู่ด้วย


ขอบคุณที่มา http://sasukrongkwang.com/index.php/how-to-use-computer-content/52-how-to-use-in-computer-and-internet/138-notebookbatterylife.html

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ทำเป็นเล่นไป การเสียบปลั้กโน๊ตบุ๊คก็มีวิธีที่ถูกต้องอยู่นะ

ในช่วงแรกๆ ที่ผมใช้โน๊ตบุ๊คอาการเดียวกับหลายๆ ท่าน เวลาจะเสียบปลั๊กก็เสียบตัวอะแดปเตอร์เข้ากับตัวเครื่องก่อน (จริงๆ มันน่าจะถูกนะ) แล้วก็เอาปลั๊กอีกด้านไปเสียบกับเต้ารับของที่บ้าน หรือที่ทำงาน โดยหลักความเป็นจริงแล้ว มันจะควรจะทำแบบนี้ใช่มั้ย?



คิดว่าหลายคนคิดเหมือนผม ปัญหาที่ผมเจอเมื่อทำแบบนี้กับโน้ตบุ๊กแทบทุกรุ่นที่ ผ่านมา ก็คือมันมีไฟแลปออกมาจากตัวปลั๊ก เหมือนเกิดการสปาร์คขึ้น เสียบกี่ครั้งก็เกิดอาการแบบนี้ จนพาลคิดไปว่าพวกอะแดปเตอร์โน้ตบุ๊กมันไม่ค่อยดีมั้ง ผมก็หาวิธีแก้ไขบ้าง

เพื่อนหลายคนใช้วิธีเด็ดกว่านี้ครับ คือซื้อปลั๊กที่มีสวิทซ์เปิดปิดมาเลย วิธีการที่เขาทำก็คือ เสียบปลั๊กทุกๆ อย่างให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเปิดสวิทซ์ที่ปลั๊ก เอ้ออ.. ไอเดียดีเนาะว่ามั้ย แต่จนแล้วจนรอด ผมเอ๊ะใจขึ้นมา เลยเปิดคู่มือโน้ตบุ๊กที่ผมเพิ่งได้มาใหม่ดู นั่งอ่านสักพัก ก็ถึง บ้างอ้อ จนได้ว่า สิ่งที่เราทำมานั้น ไม่ถูกต้องเลยครับ

มิน่า เสียบยี่ห้อไหน ก็ไฟแลบตะแลบแป๊บหมด.. พาลเอาใจหายว่าไฟจะช็อตได้

ต่อไปนี้ตั้งใจอ่านให้ดีดีนะครับ

ในคู่มือเขาบอกไว้ชัดเจนเลยครับว่า วิธีการเสียบปลั๊กอะแดปเตอร์ของโน้ตบุ๊คที่ถูกต้องก็คือ ให้เราเสียบปลั๊กเข้ากับเต้ารับที่บ้านหรือที่ทำงานก ่อนครับ จากนั้นค่อยเอาปลายอีกด้านที่เหลือมาเสียบเข้ากับโน้ตบุ๊คอันนี้คือวิธีที่ถูกต้อง

ผมเลยลองดูซะเลยครับ ปรากฏว่าอาการไฟแลบหรืออาการสปาร์คนั้นไม่มีเกิดขึ้น เลย โอ้! นี่แหละหนาาา..นิสัยไม่ชอบอ่านคู่มือ หลังจากนั้นมาผมก็พยายามแนะนำเพื่อนๆ ทุกคนที่เกิดอาการนี้ทั้งหมด ทุกรายแฮปปี้ดีแทคมากๆ ผมเชื่อว่าหลายคนยังไม่ทราบครับ ใครที่ทราบแล้วก็ฝากบอกต่อเพื่อนๆ ด้วยนะครับ จะได้เสียบปลั๊กอะแดปเตอร์ได้ถูกต้องเสียที ใครใช้โน้ตบุ๊คยู่ตอนนี้จะลองทำดูก็ได้นะครับ

ขอเพิ่มเติมด้วยว่า ใช้วิธีเดียวกันนี้กับ ทั้งมือถือ และ PDA ด้วย

ที่มา :: http://guru.sanook.com/8787/

การดูแลรักษา การใช้งาน notebook และวิธีแก้ปัญหา

>> ใช้งานโน้ตบุ๊กให้ถูกสถานที่

โน้ตบุ๊กควรใช้ในสถานที่ที่มีการถ่ายเทของอากาศที่ไห ลเวียนได้สะดวก และการวางโน้ตบุ๊กไม่ควรวางบนพื้นที่มีความนุ่ม เพราะจะทำให้ไปปิดบังช่องระบายความร้อนใต้เครื่องได้ มีผู้ใช้บางกลุ่มนิยมนำโน้ตบุ๊กไปใช้บนที่นอน ซึ่งไม่ควรทำ เพราะที่นอนมีความนุ่มเวลาวางโน้ตบุ๊กลงไป พื้นด้านล่างจะแนบชิดไปกับที่นอนทั้งหมด ไม่มีช่องระบายความร้อน ซึ่งอาจจะส่งผลให้โน้ตบุ๊กเกิดความร้อนสูง จนแฮงค์และไม่สามารถใช้งานได้ต่อไป นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้โน้ตบุ๊กในบริเวณที่มีฝ นตก หรือมีความชื้นสูงๆ เพราะจะส่งผลต่อ อุปกรณ์ต่างๆ ภายใน


>> การชาร์จแบตเตอรี่

ผู้ใช้ควรอ่านคำแนะนำในการชาร์จแบตเตอรี่ในคู่มือที่ มีมาให้ทุกครั้ง โดยเฉพาะการชาร์จไฟครั้งแรก ซึ่งจะต้องชาร์จนานกว่าปกติ หลังจากนั้นก็สามารถชาร์จไฟใหม่ได้ถึงแม้ว่าใช้งานแบ ตเตอรี่ยังไม่หมด มีผู้ใช้หลายท่านให้ข้อคิดเห็นว่า เวลาเสียบปลั๊กใช้งาน ซึ่งแบตเตอรี่เต็มแล้ว ไม่ควรจะใส่แบตเตอรี่เอาไว้ในเครื่อง เพราะจะทำให้ เกิดความร้อน และแบตเตอรี่เสื่อมเร็ว จริงๆ แล้วก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่ง การใส่แบตเตอรี่ค้างเอาไว้ขณะเสียบปลั๊กใช้งานก็เป็น การป้องกันเรื่องของไฟดับกะทันหันได้เช่นกัน เพราะถ้าเกิดไฟดับกระทันหัน จะส่งผลโดยตรงต่อฮาร์ดดิสก์ภายในเครื่อง ซึ่งอาจจะเสียหายได้ทันที โดยปกติแล้วแบตเตอรี่ก็มีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยที่ 2 ถึง 3 ปี ตามแต่ลักษณะของการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งก็คงต้องใช้งานให้ถูกวิธีครับ จะช่วยยืด เวลาให้ยาวนานขึ้นไปได้อีกการสำรองข้อมูล

เนื่องจากโน้ตบุ๊กออกแบบมาเพื่อการพกพา ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดการกระทบ หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะค่อนข้างสูง ดังนั้นควรจะมี การสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะข้อมูลที่มีความสำคัญ ซึ่งปัจจุบันโน้ตบุ๊กจะติดตั้งคอมโบไดรฟ์มาให้อยู่แล ้ว ดังนั้นการบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นซีดีน่าจะเป็นทางเลือ กที่เหมาะสมมากที่สุดครับ ในการสำรองข้อมูลก็ สามารถใช้คำสั่ง Backup ใน Windows XP จัดการได้เลย เข้าไปที่เมนู Start => Programs => Accessories => System => Backup แล้วทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่มีหน้าจอแสดงขึ้นมาแนะนำ

>> การทำความสะอาดโน้ตบุ๊ก

การทำความสะอาดควรใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดโดยรอบตั วเครื่อง ยกเว้นจอภาพที่ควรจะใช้ผ้าหรือวัสดุที่ออกแบบมาเป็นพ ิเศษ จัดการทำความสะอาด ส่วนตรงคีย์บอร์ดที่มักจะมีฝุ่น หรือเศษผงติดเข้าไปด้านใน ไม่ควรใช้วิธีการเป่า แต่ควรใช้วิธีการดูด อาจจะดูดด้วยเครื่องดูดฝุ่นเพื่อช่วยทำความสะอาดก็ได ้เช่นกัน

>> หลีกเหลี่ยงไม่ให้โดนกระแทก

เวลาพกพาโน้ตบุ๊กไปใช้งานตามที่ต่างๆ ควรจะมีการระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหากเกิดไปกระแทกกับวัสดุอื่นๆ แล้วจะเกิดการ เสียหายที่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะจอภาพที่มีความบอบบางเป็นพิเศษ ทุกครั้งก่อนนำไปใช้งาน ควรนำใส่กระเป๋าที่ออกแบบมาเพื่อใส่โน้ตบุ๊กโดยเฉพาะ เพราะด้านในจะมีการบุด้วยวัสดุกันกระแทก เวลาเกิดไปกระแทกโดย ไม่ตั้งใจ วัสดุเหล่านั้นจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

>> อ่านคู่มือก่อนการใช้งาน

ก่อนการใช้งานทุกครั้ง ผู้ใช้ควรทำความรู้จักโน้ตบุ๊กที่กำลังจะใช้งานให้มา กที่สุด ด้วยการอ่านคู่มือ และคำแนะนำต่างๆ เพื่อการใช้งาน ได้อย่างถูกต้อง และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายในระยะยาว ปกติแล้วคู่มือจะแจ้งรายละเอียดของอุปกรณ์ทุกๆ อย่าง ตำแหน่งของพอร์ต และอุปกรณ์ คำเตือนและคำแนะนำต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเบอร์โทรสำหรับติดต่อ สอบถามเมื่อโน้ตบุ๊กเกิดปัญหา



:: การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ::

>> เปิดเครื่องไม่ติด

เริ่มต้นจากการตรวจสอบไฟแสดงสถานะเปิดเครื่องก่อนว่า ติดหรือไม่ จากนั้นให้ดูว่าแบตเตอรี่เหลือน้อย หรือหมดแล้วหรือยัง แล้วจึงเสียบปลั๊ก แล้วลองกดปุ่มเปิดใช้งาน ถ้ากดปุ่มเปิดแล้วยังไม่ติด ให้ลองดูว่าคุณเสียบปลั๊กทุกๆ จุดดีแล้วหรือยัง ทั้งที่โน้ตบุ๊ก และช่องเสียบปลั๊กไฟ ถ้าตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ยังเปิดไม่ติดให้รีบติดต่อไปยังศูนย์บริการทันที

>> จอภาพมีจุดสีสว่าง

จอภาพโน้ตบุ๊กอาจจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Dead Pixel หรือ Bright Dot ขึ้น อันเนื่องมาจากข้อผิดพลาดในกระบวนการผลิตจอแอลซีดี ซึ่งเมื่อเกิดแล้ว คุณควรจะตรวจสอบก่อนว่ามีจำนวนจุดสีที่ผิดปกตินี้กี่ จุด แล้วให้ติดต่อศูนย์บริการว่าสามารถเปลี่ยนหรือแก้ไขไ ด้หรือไม่ ปกติแล้วจะมีข้อกำหนดเอาไว้ว่า หากมี Dead Pixels จำนวนกี่จุด ถึงจะเปลี่ยนได้ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 5 จุดขึ้นไป ดังนั้นหากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ควรจะสำรวจจอแอ ลซีดีก่อนรับเครื่องทุกครั้งครับ

>> จอภาพแสดงตัวอักษรเบลอ

เกิดมาจากการปรับความละเอียดของจอแอลซีดีไม่ตรงตามสเ ปกที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของจอแอลซีดีที่เราต้องปรับความละเอ ียดให้ตรง เพราะว่าจอแอลซีดีจะระบุจำนวนพิกเซลที่เอาไว้แสดงทั้ งแนวตั้งและแนวนอนเอาไว้ หากปรับไม่ตรง จอภาพจะต้องมีการนำจุดสีหลายๆ จุดมาแสดงเป็นจุดเดียว ทำให้ภาพเกิดความเบลอ ปกติแล้วทั่วๆ ไปจะปรับตั้งกันไว้ที่ 1024768 พิกเซล สามารถเข้าไปปรับได้ที่ Start => Settings => Control Panel => Display คลิ้กที่แถบ Settings แล้วเลือกปรับความละเอียดได้เลยครับ

>> จอภาพแสดงตัวอักษรเบลอ

เกิดมาจากการปรับความละเอียดของจอแอลซีดีไม่ตรงตามสเ ปกที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของจอแอลซีดีที่เราต้องปรับความละเอ ียดให้ตรง เพราะว่าจอแอลซีดีจะระบุจำนวนพิกเซลที่เอาไว้แสดงทั้ งแนวตั้งและแนวนอนเอาไว้ หากปรับไม่ตรง จอภาพจะต้องมีการนำจุดสีหลายๆ จุดมาแสดงเป็นจุดเดียว ทำให้ภาพเกิดความเบลอ ปกติแล้วทั่วๆ ไปจะปรับตั้งกันไว้ที่ 1024768 พิกเซล สามารถเข้าไปปรับได้ที่ Start => Settings => Control Panel => Display คลิ้กที่แถบ Settings แล้วเลือกปรับความละเอียดได้เลยครับ

>> ตัวอักษรที่แสดงมีขนาดเล็กเกินไป

จากข้อจำกัดในการปรับความละเอียด ทำให้บางครั้งตัวอักษรที่แสดงเล็กเกินไป จะมีปัญหากับผู้ที่สายตาสั้นเป็นส่วนใหญ่ แต่ใน Windows เราสามารถปรับขนาดตัวอักษรให้ใหญ่ได้ครับเข้าไปที่ Start => Settings => Control Panel => Display คลิ้กที่แถบ Appearance แล้วปรับขนาดที่ Font ด้านล่าง ให้เป็น Large Fonts หรือ Extra Large Fonts

>> ต่อโน้ตบุ๊กเข้ากับทีวี แล้วไม่มีภาพ

ก่อนจะไปปรับให้แสดงภาพไปยังทีวี ผู้ใช้ควรเชื่อมต่อสายระหว่างทีวีกับ S-Video พอร์ตเสียก่อน แล้วค่อยเปิดโน้ตบุ๊ก จากนั้นก็ไปปรับให้แสดงผลได้ใน Display Properties

>> ลำโพงไม่มีเสียง

ให้เข้าไปตรวจสอบว่าได้ไปปิดเสียงเอาไว้หรือเปล่า อาจจะกดปุ่มเปิดเสียงจากคีย์บอร์ด หรือว่าเข้าไปที่ Start => Settings => Control Panel => Sound and Audio Devices ตรงส่วนของ Devices Volume นั้นจะต้องไม่มีเครื่องหมายถูกที่หน้า Mute ถ้ามีให้คลิ้กเพื่อเอาออก ในบางกรณีอาจจะเกิดจากการหลงลืมของผู้ใช้เอง บางครั้งอาจจะเสียบหูฟังคาเอาไว้ หรือว่าเสียบแจ็คลำโพงภายนอกอยู่ ทำให้ไม่มีเสียงออกมาที่ลำโพงของตัวโน้ตบุ๊ก ก็คงต้องบอกว่าตรวจสอบให้ดีก่อนนะครับ

>> เครื่องหยุดทำงาน (แฮงค์) บ่อยมากๆ

ปกติอาการเครื่องแฮงค์มักจะมาจากเรื่องของความร้อน เพราะถ้าร้อนมากๆ ซีพียูและอุปกรณ์ต่างๆ มักจะหยุดการทำงาน ตรงจุดนี้เอง อาจจะมาจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การวางโน้ตบุ๊กในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก การวางโน้ตบุ๊กในตำแหน่งที่มีการปิดบังช่องระบายความ ร้อน เป็นต้น

นอกจากนี้อาจจะมีจากความผิดปกติของระบบปฏิบัติการที่ ใช้อยู่ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งคงต้องตรวจสอบไปทีละอุปกรณ์ หรือถ้าไม่มี ความรู้ในการตรวจสอบสามารถเลือกที่จะนำไปรับบริการที ่ศูนย์บริการได้

>> เครื่องทำงานช้า

ปกติเมื่อเราใช้งานไปสักระยะเครื่องมักจะทำงานช้าลง เพราะว่าเราได้ติดตั้งโปรแกรมต่างๆ หรือมีการบันทึกไฟล์ต่างๆ เข้าไปเป็นจำนวนมาก เวลาเรียกเพื่อเปิดใช้งานจะต้องใช้เวลาค้นหาเพื่อเปิ ดอ่านข้อมูลที่นานขึ้น เพราะไฟล์ต่างๆ อาจจะมีการจัดเก็บที่ค่อนข้างกระจัดกระจาย การจัดเรียงข้อมูลต่างๆ ให้เป็นระเบียบจะช่วยให้การใช้งานในส่วนต่างๆ ทำได้เร็วขึ้น ซึ่งก็คือการ Defragment นั่นเอง ให้เข้าไปที่ Start => Programs => Accessories => System Tools => Disk Defragmenter แล้วจัดการเรียงข้อมูลต่างๆ ให้เรียบร้อย

นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้เครื่องทำงานได้ช้า ก็อาจจะมาจากการที่ผู้ใช้เรื่องติดตั้งโอเอส หรือโปรแกรมใหม่ๆ ที่โน้ตบุ๊กไม่สามารถรองรับได้ ทำให้การทำงานต่างๆ ช้าไปหมด อาจจะแก้ปัญหาด้วยการซื้อเครื่องใหม่ หรือว่าจะอัพเกรดอุปกรณ์บางอย่าง เช่น ซีพียู หน่วยความจำ หรือฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วสูงขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก http://notebookspec.com/vbforum/forum/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-notebook-aa/shopping-guide-aa/13695-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-notebook-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2 ของคุณ vinai55

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วิธีแก้ปัญหาโน๊ตบุ๊คหาสัญญาณ wifi ไม่เจอ

วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีเบื้องต้นในการ แก้ปัญหาคอมพิวเตอร์หรือ Notebook หาสัญญาณ WIFI ไม่เจอ หรือหาเจอแต่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าปัญหาอาการหาสัญญาณ WIFI ไม่เจอนั้น สามารถพิจารณาออกได้เป็น 3 สาเหตุปัญหาด้วยกัน นั่นก็คือ



1. ปัญหาทางด้านซอร์ฟแวร์ (Software) ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับตัวโปรแกรมหรือไดร์เวอร์ของเครื่องเราเองครับ
2. ปัญหาทางด้านฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซึ่งปัญหาด้านนี้เกิดจากอุปกรณ์ตัวรับสัญญาณภายในเครื่องของเราเกิดชำรุด
3. ปัญหาทางด้านเครือข่าย หรือปัญหาจากอุปกรณ์ Router ที่ปล่อยสัญญาณเอง



โดยวิธีการแก้ปัญหานั้นส่วนใหญ่เราจะค่อยๆแก้ปัญหาตาม ข้อ 1 ไปถึง ข้อ 3 ครับ ซึ่งให้เราเช็คในส่วนข้อที่ 1. เป็นอันดับแรกนั่นก็คือส่วนของซอร์ฟแวร์ในเครื่องของเราก่อนโดยลองทำการรีเซตดูก่อน โดยวิธีการมีดังนี้
การแก้ไขปัญหาซอร์ฟแวร์เบื้องต้น


​1. การแก้ปัญหาทางด้านซอร์ฟแวร์ในเครื่องค้าง

ขั้นตอนที่ 1 : ให้เราคลิกขวาที่รูปการเชื่อมต่อ Internet มุมขวาล่างของ Desktop ภายในเครื่องของเรา เลือก Open Network and Sharing Center

ขั้นตอนที่ 2 : ให้เราเลือกเมนู Change adapter setting

ขั้นตอนที่ 3 : ทำการรีเซตอุปกรณ์รับสัญญาณ WIFI ภายในเครื่องของเราดู โดยให้ คลิกขวาที่ WIFI แล้วกด Disable

ขั้นตอนที่ 4 : ทำการเปิดใช้ตัวรับสัญญาณใหม่ ให้คลิกขวาที่ WIFI เหมือนเดิมแล้วให้กด Enable

จากนั้นให้เราลองหาสัญญาณ WIFI ดูอีกครั้งว่าเจอรึปล่าว หากยังไม่เจอให้ทำตามวิธีต่อไปครับ


2. รีเซตการตั้งค่าเครือข่ายใหม่

      ให้เราคลิกขวาที่รูปการเชื่อมต่อ Internet มุมขวาล่างของ Destop  ภายในเครื่องของเรา เลือก เมนู Troubleshoot problems ซึ่งจะเป็นการรีเซตการตั้งค่าใหม่ทั้งหมด โดยโปรแกรมจะทำการรีเซตค่า IP และทำการค้นหาเครือข่ายใหม่อีกครั้ง

จากนั้นลองให้เราค้นหาสัญญาณดูอีกทีว่าเจอรึปล่าว หากไม่เจอให้ลองเช็ควิธีสุดท้ายดังต่อไปนี้ครับ


3. เช็คไดร์เวอร์ Network ตัวรับสัญญาณ

ขั้นตอนที่ 1 : ให้เรากดปุ่มรูป Windows บนคีย์บอร์ดค้างไว้แล้วกดตัว R เพื่อเรียก Run Command ขึ้นมาดังรูปด้านล่าง

ขั้นตอนที่ 2 : ให้เราตรวจสอบดูเมนู Network Adapter ว่า ไดร์ฟเวอร์ของเรานั้นมีไหม ซึ่งหากเกิดความผิดปกติมันจะขึ้นเครื่องหมายเล็กๆสีเหลืองครับ ให้เราลองหาไดร์ฟเวอร์มาลงใหม่ดูครับ อาจจะเกิดจากไดร์ฟเวอร์ไม่ได้ลง หรือ ไฟล์ไดร์ฟเวอร์ส่วนของ Network เกิดการชำรุดก็อาจจะเป็นได้ครับ

แต่ถ้าหากยังไม่ได้อีก ก็ให้เราลองไป รีเซตตัว Router ที่ปล่อยสัญญาณ โดยการปิดเปิดใหม่ดูครับ

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

มาทำความรู้จักกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค หรือ Laptop

คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค นอกจากจะแตกต่าง กันกับคอมพิวเตอร์ PC ทั่วไปในเรื่องของรูปร่างแล้ว อย่างอื่นๆ ก็เห็นจะเป็นวิธีการใช้งาน เพราะมันเล็ก เราจึงจำเป็นต้องพกพาไปไหนมาไหน ซึ่งนั่นอาจทำให้ผู้ใช้อย่างเราต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น เพราะแต่ละเครื่องก็ไม่ใช่ถูกๆ นี่นะ

บทความนี้ จะเป็นวิธีการอยู่กับโน๊ตบุ๊คสุดที่รักของเราครับ

รู้เขารู้เรา
รู้จักโน๊ตบุ๊คของเราให้ดีเสียก่อน โดยเช็คเสปคโน๊ตบุ๊คของเรา ว่าเป็นยี่ห้ออะไร รุ่นอะไร ใช้ได้กับระบบปฏิบัติการไหนบ้าง จะ windows7 หรือ windows8 ก็ว่ากันไปครับ มีขนาดหน้าจอเท่าไร

หาปุ่มปิดเปิดเครื่อง
เกิดขึ้นจากเรื่องจริงนะครับ บ่อยครั้งที่ ผู้ใช้ที่เพิ่งเริ่มซื้อโน๊ตบุ๊คมา หาปุ่มเปิดเครื่องไม่เจอ !! เพราะโน๊ตบุ๊คแต่ละรุ่นนั้น มันจะมีปุ่มเปิดเครื่องอยู่ต่างที่กันครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะอยู่เหนือคีย์บอร์ดด้านขวามือครับ บางรุ่นนั้นจะอยู่ตรงข้างเครื่อง หรือตรงจุดพับข้างเครื่องก็มีครับ ส่วนเวลากดส่วนใหญ่ให้ใช้แรงน้อยๆ ก็เปิดได้ครับ หากกดหนักมากไป ปุ่มมันจะชำรุดไปเสียเปล่าๆ ครับ

ทำความรู้จักกับพอร์ท หรือรูที่เสียบต่างๆ รอบตัวเครื่อง
ส่วนใหญ่จะเป็นพอร์ท USB นะครับ บางรุ่นก็สามารถใส่ SD การ์ดได้ ไว้ใช้งานร่วมกับกล้องดิจิตอลครับ
ซึ่งตรงจุดนี้ก็อยู่ที่การใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนด้วยครับ

โน๊ตบุ๊คกับความร้อน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้งานโน๊ตบุ๊ค ไปนานๆ แล้วโน๊ตบุ๊คเราอาจจะดับไปเลยครับ ส่วนตัวเคยใช้โน๊ตบุ๊คเล่นเกมทั้งวันเล่นไปเล่นมาดับไปเลยครับ ที่ผมจะแนะนำได้ก็คือ ไม่ต้องไปหาซี้อพัดลมระบายความร้อนอะไรให้เปลืองเงินเล่นหรอกครับ หากจะใช้งานนานๆ ให้ใช้งานโดย
  • เป็นไปได้ให้อยู่ในห้องแอร์
  • ถ้าไม่มีแอร์ให้เอาพัดลมเป่าไปถึง (เป่าทั้งคนทั้งโน๊ตบุ๊คนั่นหล่ะครับไม่เปลือง)
  • อย่าเล่นโน๊ตบุ๊คบนที่นอน หรือที่นิ่มๆ เด็ดขาด จะทำให้มันร้อนเร็วมาก เพราะที่ระบายอากาศด้านหลังไม่สามารถระบายลมร้อนออกไปได้
  • เล่นอย่าติดต่อกันให้นานเกินไป

ระมัดระวังการสูญหาย อันเนื่องมาจากการลักขโมย
บ่อยครั้งที่โน๊ตบุ๊คสุดที่รักเราโดนขโมยนะครับ มีข่าวมากมาย ที่เจอมามากสุดคือวางไว้ในรถยนต์ ไม่ควรอย่างยิ่งนะครับ เพราะนอกจากจะเสียโน๊ตบุ๊คไป รถเรายังเสียหายอีกครับ ถ้าทางที่ดีก็อย่าเอาอะไรที่มองกระจกผ่านรถ แล้วให้โจรเข้าใจว่าเป็นของมีค่าเลยครับผม

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

วิธีการเช็คสเปคโน๊ตบุ๊ค เพื่อการขาย หรือการจำนำโน๊ตบุ๊ค

เมื่อเราต้องการขายโน๊ตบุ๊ค หรือเราต้องการจำนำโน๊ตบุ๊ค หรือไม่ว่าจะอะไรก็ตาม
บางคนถึงกับสับสน เมื่อเจอคำถามที่ว่า "เสปคอะไรครับ" หรือบางคนตอบได้แค่ Dell Inspiron ??
ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าเรามีข้อมูลแค่นี้ เราอาจจะคลาดเคลื่อนเรื่องราคาในการซี้อขาย หรือหนักเข้า
 เราก็อาจจะโดนหลอกได้นะครับ

ดังนั้นบทความนี้ ผมจะมาบอกวิธีการเช็คสเปคโน๊ตบุ๊คแบบง่ายๆ ชาวบ้านทั่วไปก็บอกได้ เอาเป็นความรู้ เป็นวิทยาทานกันไปครับผม ใครถ้ารู้แล้ว ข้ามเ่ลยก็ได้ครับ เพราะสิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้มันคือการอ่านค่าเบื้องต้น เอาไว้ซื้อ ขาย ฝาก แลกได้ โดยไม่โดนหลอกครับ

Step 1 : ยี่ห้อ (Brand)
อันนี้คงไม่มีใครไม่รู้นะครับ อาทิเช่น acer, dell, hp, compaq, toshiba, benq, apple เป็นต้นครับ
ซึ่งชื่อเหล่านี้จะเป็นชื่อยี่ห้อนะครับ

Step 2 : รุ่น (Model)
อันนี้จะแยกย่อยมาจากยีี่ห้อครับ เช่น 
ยี่ห้อ Acer - รุ่น V5-471G เป็นต้น ซึ่งบอกแค่นี้ยังไม่จบนะครับ เพราะแต่ละรุ่นก็มีแยกย่อยกันเข้าไปอีก (ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันจะทำให้ลำบากทำไม ผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คทั้งหลายเนี่ย เห้อ)

Step 3 : รุ่นแยกย่อย
มาถึงตรงนี้ มันมักจะมีเลขย่อยไปอีกครับ เช่น 
Acer V5-471G-53334G50 ซึ่งเลขชุดหลังนี้ จะบอกถึงข้อมูลเฉพาะทั้งหมดของโน๊ตบุ๊คตัวนั้นๆ ครับ แต่อย่างนึงที่ผมอยากแนะนำว่า การบอกเลขรุ่นแยกย่อยให้ใครฟัง ไม่มีใครตีราคา หรือจำได้หรอกครับ เลขตั้งหลายตัว โน๊ตบุ๊คมีตั้งหลายข้อ จึงแนะนำให้ตัด Step 3 ไป แล้วข้ามไป Step 4 เลยครับ

Step 4 : เสปค CPU
ตัวนี้ล่ะครับ สามารถบ่งบอกอะไรได้หลายอย่างจากโน๊ตบุ๊คเครื่องนั้นๆ อย่างน้อยๆ ก็บ่งบอกถึงราคาซึ้อขาย หรือจำนำโน๊ตบุ๊คตัวนั้นๆ ได้นะครับ วิธีดูเสปค cpu นั้นไม่ยากครับแค่
  • เปิดโน๊ตบุ๊ค คลิกขวาไอคอน My Computer
  • จะมีไดอะล๊อกโผล่มา ให้เลือกอันล่างสุด เลือก Properties
  • กด Properties แล้วอ่าน บรรทัดที่เขียนว่า Intel Core i5-3337U นี่แล่ะครับเรียกว่าเสปค CPU
Step 5 : ระบุการ์ดจอ
มาถึงตอนนี้ เราก็แค่ดูว่า โน๊ตบุ๊คของเราเป็นการ์ดจอ Onboard หรือการ์ดจอแยกนะครับ ซึ่งสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นการ์ดจอแยกซะเกือบหมดล่ะครับ วิธีดูง่ายๆ ก่อนนะครับ ที่ผมเคยชินคือ ดูสติกเกอร์ ระบุการ์ดจอครับ ส่วนใหญ่จะเป็นอันเล็กๆ เขียนว่า Nvdia, Ati ประมาณนี้ครับ 


ตัวอย่างง่ายๆ นะครับ เปรียบเทียบกันสองตัว

โน๊ตบุ๊ค Acer v5-471G http://notebookspec.com/notebook/5100-Acer-Aspire-V5-471G-53334G50Mass-Mabb-Mauu.html

โน๊ตบุ๊ค Acer V5-471G อีกตัวนึง http://notebookspec.com/notebook/4596-ACER-V5-471G-52464G50Mass-T006--Mabb-T010--Mauu-T010.html

เปิดมาเปรียบเที่ยบกันทั้งสองตัว อันแรกเลยที่ต่างกันคือราคาครับ!! ทั้งๆ ที่ชื่อยี่ห้อกับโมเดลเหมือนกันเป๊ะ ดังนั้นเราลองมาดูที่ CPU เลยครับ

CPU ตัวแรก Intel Core i5-3337U
CPU ตัวที่สอง Intel Core i5-2467M

ใช่ไหมครับผม ซึ่งอันที่เป็น i5-2467M นั้นเป็นตัวเก่ากว่านะครับ ที่มองง่ายๆ ว่ามันเก่ากว่าเพราะส่วนใหญ่ผมจะดูตัวที่อยู่หลัง "-" เช่น  Core i5-2467M เลข 2 นั้นหมายถึงมันออกมาประมาณช่วงปี 2012 ครับ ถ้าเลข 3 ก็ 2013 ไล่ไปเรื่อยๆ นะครับ

สรุปบทความนี้
ดังนั้นเพื่อนๆ พี่น้องก็คงพอรู้วิธีบอก Spec โน๊ตบุ๊ค เพื่อนำมาขาย หรือจำนำโน๊ตบุ๊คได้บ้างแล้วนะครับ
ส่วนจะไปที่ไหนนั้น ลองหาร้านแถวบ้านเลยครับ ส่วนในเน็ตนั้นแนะนำครับ

http://www.overclockzone.com/ - แหล่งรับซื้อ - ขายโน๊ตบุ๊ค ขนาดใหญ่ครับ
http://www.jumnotebook.com/ - ร้านรับจำนำโน๊ตบุ๊คที่ผมเคยใช้บริการ ใช้ได้เลยครับ


เด๋วไว้บทความต่อๆ ไป จะมีข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโน๊ตบุ๊คมาให้อ่านกันอีกนะครับ
ส่วนตอนนี้ไปก่อนครับ บาย All